เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศนำเสนอเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. ลูกสาวหายไปเมื่อ 2 ปีก่อน ไม่มีใครจำเด็กขอทานคนนี้ได้ ยกเว้นเจ้าตูบที่มองแค่แว๊บเดียวก็จำนายน้อยของมันได้ ฤดูหนาวในปีนั้น เพื่อหาเงินเพิ่มมาจับจ่ายช่วงปีใหม่ อิงก็เลยพาลูกสาวไปขายไก่สองกรงที่ตลาดด้วยกัน
มีคนบอกว่าเห็นผู้หญิงคนนึงอุ้มเด็กผู้หญิงไปแล้ว เป็นเด็กหน้าตาแบบที่อิงบอก คนบอกยังทุบตัวเองไปสองที : “ฉันก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่คุ้นหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ความผิดฉันเอง” แต่ตอนนี้จะมาพูดอะไรก็สายไปแล้ว…
ฟ้าเริ่มมืด ตลาดวายแล้ว เหลือแต่อิงที่ร้องไห้จนตาบวม ค่อยๆเดินกลับบ้าน พอเข้าไปในบ้าน เจ้าตูบที่เลี้ยงไว้ก็มาวิ่งวนรอบๆตัวเธอ ก็เลยโดนเตะไปหนึ่งที เธอคิดว่าคนที่บ้านจะตำหนิด่าว่าที่เธอทำลูกหาย แต่พวกเขากลับช่วยกันออกตามหา แล้วสุดท้ายก็บอกให้อิงยอมแพ้!
บางที ในยุคนั้น การที่ลูกสาวหายไป ทั้งสามีและพ่อแม่สามีอาจไม่ค่อยแคร์นัก แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้ว มันเจ็บปวดใจอย่างมาก ความเจ็บปวดในใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นสิบเป็นร้อยเท่า อิงก้มหน้าลงก่อนจะตะโกนออกมาว่า : “ไม่ ฉันจะหา ฉันจะหา เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรว่าแก ไม่หาไม่ได้…..” แต่ดูเหมือนว่าความทุกข์ของอิงจะมีแต่เจ้าตูบที่บ้านมองเห็น มันมองเธอด้วยน้ำตาคลอ อิงจึงโน้มตัวลงไปกอดมัน
วันเวลาผ่านไป มีแต่เจ้าตูบที่ไปเป็นเพื่อนอิงในการตามหาลูกในทุกๆที่ พวกเขาตามหาเป็นเวลา 3 เดือนเต็มๆ ในสามเดือนนั้นอิงเหมือนศพเดินได้ นอกจากข่าวคราวของลูกสาวแล้ว เธอไม่สนใจอะไรอีกเลย ทุกค่ำคืนใต้ฟ้ากว้าง อิงมีเพียงเจ้าตูบอยู่ข้างกาย เพื่อช่วยกันแบ่งเบาความทุกข์ที่หาลูกสาวไม่เจอ
ลูกหายไปไหน จะเป็นยังไงบ้าง หลังจากนั้น 3 เดือนอิงยอมแพ้กลับบ้าน โดยมีเจ้าตูบอยู่ข้างๆ เวลาผ่านไป ก็ช่วยลบร่องรอยความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกไปให้เบาบางลง ตอนนั้นอิงตัดใจไปแล้วว่าคงหาลูกไม่เจอ!
หลังจากนั้น 2 ปี อิงไปตลาดอีกครั้ง เจ้าตูบที่บ้านก็ตามไปด้วย อิงเองก็ชินกับการที่เจ้าตูบตามไปไหนมาไหน เธอรู้สึกมั่นใจเมื่อมีมันอยู่ข้างๆ ในตลาด อิงเห็นเด็กขอทานน่าสงสารคนนึง ร่างกายผ่ายผอมนอนนิ่งท่ามกลางลมหนาวไม่กล้าขยับ หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง ดูไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง แถมข้างๆเด็กขอทานยังมีขอทานอีกคนที่ตัวใหญ่กว่า ทำท่าทางน่าสงสารขอเงินเป็นค่ารักษาน้องสาวที่ป่วย เป็นภาพที่เห็นแล้วน้ำตาจะไหล อิงก็เลยอดไม่ได้ที่จะให้เงินไปนิดหน่อย
แล้วตอนนั้นเองเจ้าตูบที่ตามมาด้วยก็เหมือนเป็นบ้า มันเห่าใส่เด็กขอทานไม่หยุด แถมยังดึงแขนเสื้อของเด็กขอทานที่นอนอยู่ เพื่อลากไปหาอิง อิงนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าตูบเชื่องๆของตนถึงเป็นบ้าขึ้นมา อยู่ดีๆเธอก็ใจเต้นแรง รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าตูบไม่ได้พยายามกัดคน แต่มันพยายามบอกอะไรบางอย่างกับเธอ เหมือนเวลามันจับสัตว์ได้แล้วต้องการให้เธอดู
อิงเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอปัดผมที่ปรกหน้าเด็กขอทานออกดู แล้วก็เห็นว่านั่นคือญาญา แม้ว่าจะผอมลงไปมาก แต่เธอจำลูกได้ อิงเล่าว่า ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าตูบจำลูกสาวได้ เธอก็คงจะคลาดกับลูก ใครจะไปนึกว่าลูกสาวตัวเองจะกลายเป็นแบบนั้น
อิงก้มลงกอดลูกร้องไห้โฮ: “ญาญา ญาญาใช้มั้ยลูก โอ้! ลูกสาวแม่ หนูเป็นยังไงบ้างนี่แม่เองไง” ญาญาอึ้งไปสักพัก ก่อนจะกอดตอบมารดาร้องไห้โฮ : “แม่คะ หนูเองญาญา” มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่า 2 ปีมานี้เด็กน้อยเจออะไรมาบ้าง ตอนนั้นเด็กน้อยรู้สึกว่ามีหมาพยายามดึงแขนเสื้อแก แต่แกไม่กล้าลืมตามอง ไม่กล้าขยับเขยื้อน
แล้วตอนนั้นเอง ที่ขอทานอีกคนก็รีบวิ่งหนีไปแบบไม่เห็นฝุ่น เจ้าตูบก็อายุมากแล้ว วิ่งไล่ไม่ทัน เหลือแค่สองแม่ลูกกอดกันกลมอยู่ตรงนั้น น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาอย่างท่วมท้น เจ้าตูบก็นั่งร้องหงิงๆอยู่ข้างๆ มันดีใจที่ได้เจอนายน้อยอีกครั้ง
โชคดีที่นอกจากร่องรอยบาดแผลแล้ว ญาญาไม่พิการส่วนใดเลย หลังเกิดเรื่องอิงเล่าว่า : “เจ้าตูบตัวนี้ฉันเก็บจากกองขยะมาเลี้ยง ไม่เคยให้มันกินอะไรเป็นพิเศษ แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะซื่อสัตย์และฉลาดมาก ต้องชื่นชมมันจริงๆ ไม่งั้นฉันคงพลาดโอกาสที่จะได้ลูกกลับมาอีกครั้ง”
นับแต่นั้นมา อิงกับลูกก็ดีกับเจ้าตูบเป็นพิเศษ เวลามีใครชื่นชม มันก็จะกระดิกหางตอบรับ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว คุณย่าข้างบ้านเล่าให้ฉันฟัง ต้องขอบคุณเจ้าตูบที่ทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี